บันทึกเสริมจมูกกับหมอมนัสที่ Meko Clinic day 2-3

จากบล็อกเก่าที่อัพเดทกันไป วันนี้มาอัพเดทภาพวันที่ 2 และ 3หลังจากเสริมจมูกกันบ้าง

day 2

อย่างที่ทราบแล้วว่าคุณหมอมนัสจะให้ใส่เฝือกเพียง 1 วันเท่านั้น

พอครบ 24 ชั่วโมงก็ให้กลับมาเช็คแผลและทำความสะอาดอีกครั้งที่คลินิก

ซึ่งเรื่องการทำความสะอาดแผลและผิวรอบๆจมูกนั้นจะต้องทำทุกวันเพื่อรักษาความสะอาดให้ดีที่สุด แผลจะได้ไม่ติดเชื้อ

แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็มีชุด kit สำหรับนำกลับไปทำความสะอาดแผลด้วยตัวเองที่บ้านได้เหมือนกัน

ซึ่งส่วนตัวแล้วเก๋แนะนำว่าถ้าไม่ลำบากจนเกินไปใครที่สะดวกกลับไปล้างแผลที่คลินิกทุกๆวันตลอดระยะเวลาก่อนตัดไหมก็ดีกว่าค่ะ

อย่างน้อยพยาบาลจะคอยเช็คแผล เช็คความเรียบร้อยของปมไหมพร้อมกับ check up ความเรียบร้อยอื่นๆให้เราด้วย

day 2 - 8 สิงหาคม ช่วงกลางวัน

และที่เก๋ได้เคยบอกในบล็อกก่อนหน้านี้ว่าทางคลินิกและคุณหมอมนัสแนะนำให้ประคบเย็นเพียง 1 วัน (24 ชั่วโมง) เท่านั้น

แต่เก๋แอบดื้อเห็นว่าสันจมูกด้านบนกับแถวๆใต้ตายังดูบวมๆอยู่ก็เลยประคบต่อในวันที่ 2

พอไปล้างแผลที่คลินิกก็คุยกับพยาบาลที่ดูแล เค้าก็ยังบอกว่าไม่ต้องประคบแล้วนะคะ แต่เก๋ก็ยังไม่เชื่อ

(เป็นคนไข้ที่ดื้อจริงๆ)

50 hrs

จนกระทั่งคืนนั้นคุณหมอโทรมาย้ำว่าไม่ต้องประคบแล้ว … ถามเหตุผลจากคุณหมอมนัสก็ได้ความดังนี้ค่ะ

การประคบเย็นนั้นแนะนำให้ทำทันทีหลังจากการผ่าตัดและนับเวลาไป 24 ชั่วโมง หรือ 1 วันเท่านั้น เพราะการประคบเย็นนั้นให้ทำเพื่อเป็นการห้ามเลือด ให้เลือดแข็งตัวและปากแผลจะได้ปิดเร็วขึ้น ซึ่งในทางกลับกันหากเราประคบเย็นนานจนเกินไปอาจจะทำให้รู้สึกได้ว่าแผลดูไม่บวมมากนัก แต่ก็ส่งผลเสียทำให้การขับของเสียที่ตกค้างหรือน้ำเหลืองต่างๆในบริเวณที่ผ่าตัดทำได้ช้าลง ทำให้มีอาการบวม เขียว หรือช้ำที่นานขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น พูดง่ายๆคือบวมน้อยแต่นาน

พอได้ฟังเหตุผลครบถ้วนแล้ว คืนนั้นเก๋ก็หยุดประคบทันทีค่ะ

เพราะกะว่าจะให้อาการบวม เขียว ช้ำ หรือแผลทั้งหมดหายไปใน 7-10 วันอย่างที่คุณหมอเคยบอกไว้

day 3

พอตื่นเช้าวันที่ 3 ปุ๊บ รีบลุกไปส่องกระจกเป็นอันดับแรก

สิ่งที่เห็นคือมีอาการบวมน้ำพอควร และมีรอยช้ำเหลืองบริเวณใต้ตาทั้งสองข้าง

แต่พอลุกเดินทำนู่นนี่ ไปนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เดินกลับมาส่องกระจกดูอีกทีก็เห็นว่ารอบบวมน้ำนั้นลดลงไปพอควร

ก็เลยเดาและเข้าใจได้ว่าอาการบวมน้ำที่เห็นน่าจะเป็นอาการบวมน้ำหลังจากตื่นนอนซึ่งเป็นปกติของคนทั่วๆไปอยู่แล้ว

day3 - 9 สิงหาคม เพิ่งตื่นนอน

วันนี้พยาบาลที่ทำแผลให้บอกว่ารอยเย็บแผลในโพรงจมูกแห้งสนิททั้งหมดแล้ว

พยาบาลออกปากชมเปาะว่านี่แค่ 3 วันเองก็ดูแทบไม่ออกแล้วว่าเพิ่งผ่าตัดมา

ได้ฟังก็ยิ้มแก้มแทบปริ ดีใจสุดๆ จะหายเป็นปกติแล้วจะได้ล้างหน้าล้างน้ำ ลอกสิวเสี้ยนได้ตามปกติซะที

อดทนกับสิวเสี้ยนสากๆที่จมูกมา 3 วันแล้ว ชักเริ่มทนไม่ไหวแล้ว

วันนี้แอบหยิบ cleansing oil มาวนเบาๆแถวปลายจมูกไปหน่อยนึง เพื่อความสบายใจส่วนตัว

(ถ้าคุณหมอรู้เข้าอาจจะถูกเอ็ดได้ 5555)

ตอนนี้อาการบวมน้อยลงไปมากแล้ว จะเหลือก็แค่บริเวณหัวคิ้ว และใต้ตาที่ยังคงบวมอยู่

ส่วนอาการช้ำก็จะเป็นรอยสีเหลืองๆตามแนวถุงใต้ตาเท่านั้น ส่วนจมูกสามารถเอานิ้วแตะเบาๆได้แล้ว

แต่ถ้านั่งรถแล้วสะเทือนแรงๆก็จะรู้สึกตึงๆเจ็บๆอยู่บ้าง แถวๆปลายจมูกและบริเวณที่เย็บไหมไว้ใต้จมูกถ้าเอานิ้วลูบเบาๆก็จะรู้สึกเสียวแปล็บๆอยู่นิดหน่อย

แต่น้อยลงกว่าวันที่ถอดเฝือกมากๆ ถือว่าเป้นสัญญาณที่ดีว่าร่างกายเริ่มปรับตัวได้และใกล้หายแล้วจริงๆ

day3 - 9 สิงหาคม 69ชั่วโมง

การใช้ชีวิตประจำวันทั้งเรื่องอาหารการกิน ท่านอน เก๋ก็ทำตามปกติทุกอย่าง

ทานอาหารเยอะเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าจะเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เค็มจัด และหวานจัดไว้ก่อน

เพื่อที่จะได้ลดโอกาสที่จะบวมน้ำ รวมไปถึงจะได้ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย

ส่วนเรื่องท่านอนก็นอนหมอนปกติ ไม่ต้องนอนหมอนสูง และก็สามารถนอนตะแคงได้ตามปกติ

เพียงแต่ว่าไม่ควรจะเอาอะไรมากดทับหน้าหรือจมูก รวมถึงห้ามนอนคว่ำก็เท่านั้นเอง

แล้วไว้จะมาอัพเดทให้อ่านกันเป็นระยะนะคะ หรือจะเข้าไปติดตามได้ที่ facebook page >> Parloir de oHLa ก็ได้ค่ะ

บล็อกเกี่ยวกับการเสริมจมูกที่เกี่ยวข้อง

บันทึกก่อนเสริมจมูก และข้อมูลควรรู้ก่อนตัดสินใจเสริมจมูก

บันทึกเสริมจมูกกับหมอมนัส ที่ Meko Clinic day 0: วันขึ้นเขียง

บันทึกเสริมจมูกกับหมอมนัส ที่ Meko Clinic day 1- ถอดเฝือก

บันทึกเสริมจมูกกับหมอมนัสที่ Meko Clinic day 2-3

บันทึกเสริมจมูกกับหมอมนัสที่ Meko Clinic day 4-7 วันตัดไหม