พฤศจิกายน 12

ป้ายกำกับ

หาข้อมูลสักนิด ก่อนคิดจัดฟัน

บล็อกนี้ขอเขียนเล่าประสบการณ์และให้ข้อมูลเพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับคนที่คิดจะจัดฟันแล้วกันนะคะ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมากแล้วแต่ไม่เคยเขียนลงบล็อกให้ได้อ่านกันเลย

เพราะไม่คิดว่าเรื่องซ้ำๆเดิมแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง

cr. people dentist

ปัจจุบัน “การจัดฟัน” นั้นกลายเป็นค่านิยมแห่งยุคสมัยกันไปแล้ว

หันไปทางไหนก็มีแต่คนที่เคยจัดฟัน กำลังจัดฟันอยู่หรือแพลนว่าจะไปจัดฟันกันแทบทั้งนั้น

เดิมทีการจัดฟันนั้นถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาขากรรไกรที่ผิดรูปร่าง

ปัญหาจากการเรียงตัวของฟัน และการสบฟัน ฯ

หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือคนที่มีปัญหาการใช้งานของฟันจริงๆเท่านั้น

แต่ในปัจจุบันนี้คนทั่วไปให้ความสำคัญกับการจัดฟันเพื่อเสริมสร้างความงามบนใบหน้ามากกว่าเหตุผลอื่น

ซึ่งถ้าไม่นับพวกการจัดฟันแฟชั่น (ซึ่งผิดกฎหมาย) ที่ทำโดยคนทั่วไปที่ไม่มีความรู้ทางด้านทันตกรรม

หรือแม่ค้าพ่อค้าที่หาอุปกรณ์ต่างๆมาขายให้กับลูกค้าเพื่อไปติดฟันเองล่ะก็

เราก็จะต้องไปเข้ารับบริการที่สถานทันตกรรมเท่านั้น (จะเป็นคลินิก หรือโรงพยาบาล ก็ว่ากันไป)

ซึ่งเมื่อครั้งยังเด็กนั้นเก๋เคยไปลงทะเบียนเข้าคิวรอจัดฟันกับโรงพยาบาลทันตกรรมของรัฐแห่งหนึ่ง

ซึ่งต้องใช้เวลารอนานอย่างต่ำคือ 2 ปี จึงจะได้เริ่มจัดฟัน

ณ ตอนนั้นก็คิดว่าอยากให้ขั้นตอนการจัดฟันเสร็จก่อนที่จะเริ่มทำงาน

ก็เลยคิดว่าไปจัดฟันกับคลินิกข้างนอกที่ใกล้บ้าน

ซึ่งค่าใช้จ่ายของคลินิกนั้นก็ต่างจากโรงพยาบาลทันตกรรมของรัฐประมาณนึงแต่เราก็รับได้

เพราะคิดว่าจ่ายแพงหน่อยแต่ย่นระยะเวลาการรอไปก็จะดีกว่า

อีกอย่างคลินิกนี้ก็เปิดมานาน และมีทีมทันตแพทย์จากสถาบันดังๆคอยให้บริการด้วย

สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกจัดฟันที่คลินิกนี้

ซึ่งพอจัดฟันไปได้ประมาณ 2 ปี คุณหมอจัดฟันท่านเดิมที่เคยดูแลก็ลาออกไป

คุณหมอที่มาดูแลแทนคือทันตแพทย์เจ้าของคลินิก

ผ่านไปอีกประมาณครึ่งปี เราก็เริ่มสงสัยว่ายังไม่คืบหน้าไปไหน

บังเอิญได้พูดคุยกับคนไข้อีกคนที่มาจัดฟันเหมือนกันว่าการรักษาของเค้าก็ไม่คืบหน้า

และคุณหมอเจ้าของคลินิกก็ไม่สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดได้มากนัก

พอไปสืบค้นข้อมูลก็ทราบว่าคุณหมอเจ้าของคลินิกนั้นไม่ได้จบเฉพาะทางในเรื่องของการจัดฟัน

หลังจากนั้นเราก็สอบถามทางคลินิกถึงทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการจัดฟันว่าจะมีมาทดแทนหมอที่ออกไปแล้วหรือไม่

แต่ก็ได้คำตอบว่าคุณหมอเจ้าของคลินิกจะเป็นคนให้บริการทั้งหมด

สุดท้ายเราก็พยายามพูดคุยขอให้ทางคลินิกคืนเงินค่าบริการที่จ่ายไปคืนตามสัดส่วนของการบริการที่ยังไม่ครบ

(ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ณ ตอนนั้น คือ 4x,xxx เราขอเงินคืน 20,000)

แต่ทางคลินิก และหมอเจ้าของคลินิกปฏิเสธการคืนเงิน

เราก็เลยตัดสินใจไปลงบันทึกประจำวัน และส่งจดหมายร้องเรียนไปทางทันตแพทย์สภา

รออยู่ประมาณ 2-3 เดือน  ก็ถูกเรียกไปให้ข้อมูลกับทันตแพทย์สภา

หลังจากนั้นสรุปว่าเราได้เงินคืน และทางทันตแพทย์เจ้าของคลินิกก็ถูกตักเตือนกันไป

และก็ถูกงดเว้นห้ามให้บริการในสาขาที่ตัวเองไม่ได้ชำนาญ

จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ผ่านมาสิบกว่าปี คลินิกแห่งนั้นก็ยังคงให้บริการอยู่

เพียงแต่ย้ายที่ตั้งไปจากเดิมเล็กน้อย และเปลี่ยนชื่อคลินิก เจ้าของคลินิกก็เปลี่ยนชื่อด้วย

เราก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันน่าจะจบไปแล้ว

แต่ล่าสุดทราบมาว่ามีคนไข้ไปรับบริการจัดฟันที่นั่นกับหมอเจ้าของคลินิก ซึ่งก็ยังไม่ได้ไปเรียนต่อเฉพาะทางจัดฟันเพิ่มเติม

ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คนไข้คนนั้นก็มีปัญหาฟันผิดรูปที่เป็นผลมาจากการจัดฟันของที่นั่น

แถมไม่ได้เงินคืนไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายบางส่วนที่จ่ายไป หรือเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

cr. kdc dental academy

cr. kdc dental academy

อ่านมาถึงตอนนี้ สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ

ก่อนตัดสินใจจัดฟันไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ควรค้นหาข้อมูลให้ดี

สมัยนี้ข้อมูล online มีให้ค่อนข้างเยอะมาก

ส่วนไหนที่หาข้อมูลไม่ได้ก็ยังมีช่องทางการติดต่อบอกแจ้งเอาไว้

อุทธาหรณ์เรื่องนี้ ถ้าแค่เสียเงินก็ยังเจ็บใจไม่มากเท่าไหร่

แต่นี่ต้องเสียเงิน เสียเวลา แถมบางทีอาจจะต้องถูกถอนฟันแท้ออกไป ทั้งๆที่อาจจะไม่จำเป็นต้องถอน

ยังไม่นับว่าต้องไปเสียค่าใช้จ่าย และเจ็บตัวเพิ่มต่อจากนี้เพื่อแก้ปัญหาอีก

ทันตแพทย์ที่ดีมีจรรยาบรรณมีอยู่เยอะค่ะ แต่ไม่อยากให้ประมาทและต้องเจอกรณีแบบนี้กันอีก

– หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ –