
ป้ายกำกับ
Reveal • Review by oHLa :: La Mer The Moisturizing Soft Cream vs Fresh Crème Ancienne Soft Cream
ในบล็อกนี้เก๋ขอหยิบเอาครีมบำรุงผิวที่อยู่ในกลุ่มของ soft cream มาเขียนเล่าประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้อ่านเป็นข้อมูลกันนะคะ
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากระแสของครีมบำรุงผิวชนิด soft cream นั้นเริ่มเป็นที่นิยมและมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นในท้องตลาดบ้านเรา
ซึ่งความแตกต่างระหว่างครีมบำรุงผิวปกติทั่วไปและ soft cream หลักๆก็คือ เนื้อสัมผัส และความไวในการซึมลงผิวของครีมนั่นเอง
–
ส่วน Soft Cream 2 ชิ้นหลักที่จะมาพูดถึง ก็คือ
La Mer The Moisturizing Soft Cream
และ
Fresh Crème Ancienne Soft Cream
–
–
เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังสงสัยกันอยู่ว่า
เจ้า soft cream นี้เป็นขั้นตอนที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากการบำรุงผิวแบบเดิมๆที่เราทำกันอยู่รึเปล่า?
อันนี้คงต้องไปดูกันในเรื่องคุณสมบัติและคำเคลมของแต่ละแบรนด์กันว่าเค้าว่ายังไงบ้าง
–
แน่นอนว่า La Mer นั้นเป็นแบรนด์แรกๆที่มีผลิตภัณฑ์ประเภท soft cream วางขาย
(ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีมาประมาณ 2-3 ปีละมั้ง?)
La Mer The Moisturizing Soft Cream
size 30 ml., shelflife 24M
counter price: THB7,000.-
–
ในแง่ของคุณสมบัติและคำเคลมตรงส่วนนี้ขอยกมาจากเวปไซต์ของ lamer.co.th นะคะ
“เนื้อผลิตภัณฑ์เนียนนุ่มบางเบากว่า
แต่มอบคุณค่าการฟื้นบำรุงผิวเฉกเช่นเดียวกันกับ Crème de la Mer ผลิตภัณฑ์อันเป็นตำนาน
ช่วยมอบความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
ด้วยคุณค่าจากน้ำสกัดเข้มข้น Miracle Broth™ หัวใจหลักสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงผิวของลาแมร์
จะช่วยเสริมการทำงานของกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติ ให้ผิวแลดูมีชีวิตชีวา เปล่งประกาย แลดูอ่อนเยาว์
วิธีใช้: แตะเนื้อผลิตภัณฑ์เล็กน้อยบริเวณปลายนิ้วทั้งสองข้าง จากนั้นจึงกดแตะเนื้อผลิตภัณฑ์เบาๆ ลงบนผิวหน้าและลำคอ“
–
ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เก๋เคยใช้ Crème de La Mer ตัวต้นตำรับ
และสูตร oil absorbing lotion ของเค้ามาก่อนหน้านี้
ก็ต้องยอมรับว่าเจ้า soft cream นี้ช่วยตอบโจทย์คนที่อยากได้ Crème de La Mer
ในแบบฉบับที่บางเบากว่า และเหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทยได้ดีทีเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้ก็ตรงตามชื่ออยู่แล้ว คือช่วยเรื่องความชุ่มชื่นของผิวได้ดี
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อความชุ่มชื่นของผิวนั้นดี ก็ทำให้ภาพรวมของผิวดีขึ้นด้วย
ส่วนเรื่องกลิ่นยังคงความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ความเป็น La Mer ไว้ได้เป็นอย่างดี
–
ในส่วนของ Fresh Crème Ancienne Soft Cream นั้น กลับมีคอนเซปต์ที่แตกต่างกันไป
บนเวปไซต์ของ fresh.com บรรยายถึง Crème Ancienne ไว้ว่า
“Inspired by the world’s first cream,
this first-of-its-kind weightless cream allows all skin types
to experience supreme nourishment and ultimate firmness for ageless skin.”
—Lev, Fresh Co-founder
–
Fresh Crème Ancienne Soft Cream
size 30 ml., shelflife 12M
counter price: THB5,800.-
–
เนื้อสัมผัสของ Crème Ancienne นั้นจะค่อนข้างแน่น กว่าครีมอื่นทั่วๆไป
จะว่าไปส่วนตัวเก๋ว่าตอนปาดครีมครั้งแรกจะให้ความรู้สึกเกือบเหมือนการใช้ Crème de La Mer สูตร original นะ
แต่พอเราปาดครีมลงบนผิวกลับให้ความรู้สึกเหมือนมีครีมเคลือบผิวอยู่บางๆสักพัก
พอผ่านไปสัก 5 นาทีก็ซึมลงผิวเกือบหมดแล้ว
ถือว่าค่อนข้างเบาผิวทีเดียว
–
จากที่เคยได้พูดคุยกับคุณ Alina หนึ่งใน co-founder ของแบรนด์ Fresh นั้น
เธอเล่าว่าแรงบันดาลใจของการสร้างเจ้า Crème Ancienne นี้ก็คือครีมบำรุงผิวในยุคแรกๆที่ถือว่าเป็นต้นตำรับของครีมทั้งหลาย
ซึ่งจะเน้นที่ผลลัพธ์การบำรุงผิวที่ครอบคลุมทั้งเรื่องปัญหาการระคายเคืองต่างๆ ริ้วรอย รวมไปถึงความสดใสของผิว
วิธีการใช้ที่เธอได้แนะนำไว้คือให้ใช้ Crème Ancienne เสริมเข้าไปก่อนการลง moisturizer
เพราะถือว่าเป็นขั้นตอนของการเยียวยาและฟื้นฟูผิว
ณ ตอนที่ฟังเธอบอกนั้น เก๋ก็ยังไม่เชื่อสักเท่าไหร่
พอกลับมาบ้านก็เลยลองใช้ตามความเชื่อของตัวเอง ก็ใช้ Crème Ancienne นี้แทนขั้นตอน moisturizer ไปเลย
ใช้ไปได้สัก 2 สัปดาห์ สิ่งที่เห็นชัดก็คือ ภาพรวมของผิวดูดีขึ้น ผิวแน่นขึ้น ดูสุขภาพดีขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าความชุ่มชื่นข้างใต้ผิวลดลงกว่าเดิม
ซึ่งตรงส่วนนี้ก็พ้องกับที่คุณ Alina ได้บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าควรใช้ moisturizer ควบคู่กันไปด้วย
oHLa’s comment
ลักษณะของเนื้อครีมของทั้งสองแบรนด์
จะเห็นว่า texture ของ La Mer นั้นบางและดูลื่นกว่า Fresh
–
–
มาลองดูกันว่าเมื่อปาดครีมบนผิวแล้วจะเกลี่ยง่ายยากแค่ไหน?
จะเห็นว่า La Mer นั้นเกลี่ยครีมบนผิวได้ง่ายกว่า Fresh
–
–
หลังจากที่ลองใช้ทั้งคู่แล้วให้ข้อสรุปได้ว่า สิ่งที่แตกต่างกันแบบเห็นเด่นชัดหลักๆ คือเรื่องของ texture
ซึ่งประเด็นนี้ La Mer จะทำได้ดีกว่า
ด้วยความที่เนื้อครีมค่อนข้างลื่นและเกลี่ยง่ายกว่า ในมุมนึงก็เลยจะทำให้รู้สึกสบายผิวได้เร็วกว่า
ในขณะที่ของ Fresh นั้น จะต้องใช้เวลาเพื่อเกลี่ยครีมมากกว่าสักหน่อย
เมื่อครีมซึมลงผิวทั้งหมดแล้วครีมทั้งสองแบรนด์จะไม่ค่อยทิ้งความรู้สึกเหนอะบนผิวสักเท่าไหร่
โดยเฉพาะคนที่มีผิวธรรมดา หรือค่อนไปทางแห้งถือว่าเหมาะที่จะใช้ทั้งสองชิ้นนี้
ส่วนคนที่มีผิวมันอาจจะลองดู La Mer ที่เป็นสูตร Lotion หรือ ไม่ก็ Gel Cream แทน
หรือไม่ก็อาจจะลองดู Fresh Rose Lotion จะเหมาะกว่า
–
Q: เพื่อนๆเคยถามเก๋ว่าถ้าให้เลือก soft cream ระหว่าง La Mer และ Fresh จะเลือกชิ้นไหนดีกว่ากัน
A: ในส่วนนี้คงต้องถามต่ออีกสักนิดว่าจะให้เวลาและขั้นตอนการบำรุงผิวในแต่ละวันมาก-น้อยแค่ไหน
อย่างถ้าเราคิดว่าจะมีขั้นตอน cleanser > toner > serum > moisturiser
ก็น่าจะเหมาะกับ La Mer The Moisturizing Soft Cream มากกว่า
–
แต่ถ้าโอเคกับการเพิ่มขั้นตอนการเยียวยาผิวเข้าไปอีก
cleanser > toner > serum > treatment > moisturiser
ก็สามารถใช้ Fresh Crème Ancienne Soft Cream ได้
–
ส่วนถ้าใครที่งบถึงและอยากลองใช้ทั้ง 2 ชิ้นนี้พร้อมๆกันก็สามารถทำได้ค่ะ
ก็เรียงลำดับตามนี้ cleanser > toner > serum > treatment > moisturiser
–
–
คือ หลังจากขั้นตอนการลง serum ก็ตามด้วย Fresh Crème Ancienne Soft Cream (treatment)
แล้วต่อด้วย La Mer The Moisturizing Soft Cream (moisturiser)
แต่อาจจะต้องลดสัดส่วนปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์ในแต่ละขั้นตอนลงสักหน่อยเพื่อไม่ให้ผิวเหนอะจนเกินไป
และก็ถ้าจะใช้ทั้ง 2 ชิ้นนี้พร้อมๆกัน ก็แนะนำว่าให้ใช้เฉพาะช่วงกลางคืนจะดีที่สุด
เพราะยังไงอากาศร้อนๆและแดดแรงๆแบบประเทศไทยก็ไม่เหมาะกับการประโคมหลายสิ่งบนผิวในระหว่างวันอยู่ดี
เว้นแต่ว่าวันนั้นจะอยู่แต่บ้านเปิดแอร์ฉ่ำๆ หรือใช้ชีวิตอยู่เมืองหนาว
–
– หวังว่ารีวิวนี้คงเป็นประโยชน์ และให้ข้อมูลช่วยในการตัดสินใจซื้อของเพื่อนๆได้บ้าง –
NB. แต่ละคนมีสภาพผิว วิถีชีวิต และพันธุกรรมที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นอาจจะใช้แล้วได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน
disclaimer: non-sponsored blog
Ah, wish I could read Thai haha. I want to try La Mer too, but so expensive.
http://www.sandravivi.com